ภัยนักศึกษา หนุ่มไล่เปิดประตูหอพักสาวทีละห้อง ทำมาแล้วหลายรอบ

ภัยนักศึกษา หนุ่มไล่เปิดประตูหอพักสาวทีละห้อง ทำมาแล้วหลายรอบ

ไล่เปิดประตู หอพักนักศึกษา ชายปริศนาหวังเข้าห้องสาว ทำมาหลายรอบถูกจับอ้างมาทวงหนี้แฟน ล่าสุดผู้เสียหายทราบพฤติกรรมโร่แจ้งความหวั่นกลับก่อเหตุซ้ำ ภัยหอพักนักศึกษาสาว หลังจากวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งจาก หญิง อายุ 40 ปี ผู้จัดการหอพักแห่งหนึ่ง ใน ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี ว่ามีชายไม่ทราบชื่อรายหนึ่งได้บุกเข้ายังหอพักช่วงเวลาวิกาล

เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังเจ้าของหอพักยิ่งต้องตกใจหนักเพราะพบว่า 

ชายผู้ก่อเหตุคนดังกล่าวมีพฤติกรรมไล่เดินเปิดประตูห้องพักนักศึกษาหลายครั้ง ช่วงเวลาก่อเหตุ ตี 3 ถึงตี 4 โดย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา ช่วงเวลา 03.28 น. คนร้ายพยายามจะแอบเข้าไปในห้องพักนักศึกษาสาวรายหนึ่งโดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน ก่อนที่ต่อมาจะพบอีกว่าชายผู้ก่อเหตุคนดังกล่าวเคยเข้ามาก่อเหตุในลักษณะเดียวกันเมื่อวันที่ 11ต.ค. ช่วงเวลา 04.00 น. ผู้ก่อเหตุไปเดินไปตามห้องพักชั้น 1 และชั้น 2 พยายามจะเปิดประตูห้องพักไปเรื่อยๆ หลายห้อง แต่ไม่สามารถเปิดประตูเข้าห้องไหนได้ ผู้ก่อเหตุจึงหนีกลับออกไป

วันที่ 14 ต.ค. เวลา 03.28 น. ผู้ก่อเหตุคนเดิมยังคงมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจอีก โดยหนนี้เหตุเกิดบริเวณด้านหลังหอพักผู้ก่อเหตุคนเดิม แอบเดินจากข้างนอกเข้ามาด้านใน ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างห้องพักของนักศึกษาหญิงรายหนึ่ง โดยคนร้ายได้แอบลักลอบเข้าไปในห้องได้สำเร็จ หลังนักศึกษาหญิงคนดังกล่าวออกจากห้องไปซื้อของกินกลางดึก

เคราะห์ดีนักศึกษาเจ้าของห้องคนดังกล่าวได้รับการแจ้งเตือนจากเจ้าของหอพักที่ตื่นมาเข้าห้องน้ำและตรวจสอบกล้องวงจรปิดพอดะ จึงเห็นพฤติกรรมของคนร้ายชัดเจนก่อนจะโทรบอกกับนิสิตสาวว่ายังไม่ให้กลับเข้าไปในห้องของตัวเองพร้อมกับแจ้งขอความช่วยเหลือจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สุดท้ายตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุชายรายนี้เอาไว้ได้ แต่ผู้ก่อเหตุพูดจาวกวนไปมา มีการอ้างว่ามาตามทวงหนี้กับแฟนสาว ประกอบกับตรวจค้นในตัวไม่พบว่ามีการลักขโมยทรัพย์สินของใครไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำประวัติและปล่อยตัวไป

อย่างไรก็ตามต่อมาทางนักศึกษาสาวเจ้าของห้องซึ่งไม่ได้ติดใจแจ้งความดำเนินคดีในตอนแรก จนกระทั่งมารู้ว่าเคยเข้ามาก่อเหตุไปแล้วหลายครั้งก่อนหน้านั้น จึงเกรงว่าจะกลับมาก่อเหตุใหม่อีกครั้งก็เป็นได้ จึงมอบหมายให้ตนมาเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุรายนี้

เปิดพฤติกรรมวิปริตสาวสอง ผู้นำลัทธิคลั่ง ทำร้ายเหยื่อสุดวิตถาร

สาวประเภทสอง ฮารุ ผู้นำ ลัทธิประหลาด ลวงเหยื่ออดีตพยาบาลร่วมลงทุนจับขังเป็นทาสในคอนโดกลางกรุง สอบปากคำไม่สะทกสะท้านลูกน้องแฉพฤติกรรมทารุณทั้ง โกนผม ลวกนํ้าร้อน สลดหนัก ทำทรามกับเหยื่อนานกว่า 3 ปี

ข่าวลัทธิประหลาด – จากรณี ตำรวจนครบาลคุมตัว นายฮารุ ฮวังสิริ อายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี สองผู้นำลัทธิอำมหิต มาสอบปากคำที่กองบังคับการสืบสวน บช.น. เมื่อวานที่ผ่านมา (17 ต.ค.65) โดยผู้ต้องหาให้การสารภาพทำร้ายผู้เสียหายซึ่งเป็นสามอดีตพยาบาลหญิงและลูกอีก 2 คนจริง

โดยก่อนหน้านี้เหยื่อทั้งหมด 5 ราย ได้ถูกผู้นำคลั่งลัทธิทั้งสองออกอุบายหลอกลวงให้ร่วมลงทุนธุรกิจ ก่อนสร้างเรื่องอุปโลกน์หนี้จำนวน 140 ล้านบาทขึ้นมาจนผู้เสียหายหลงเชื่อและถูกทำทารุณอย่างโหดเหี้ยใมผิดมนุษย์และเหยื่อต้องทนกับความทุกทรมานดังกล่าเป็นเวลานากว่า 3 ปี อึ้งหนัก ! เหตุเกิดภายในคอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯ ย่านพระราม 8

พฤติกรรม “ฮารุ ผู้นำลัทธิ” ทารุณเหยื่อผิดมนุษย์ สุดวิตถาร จากการรับสารภาพของนายตรีเพชรรัตน ลูกน้องคนสนิทนายฮารุผู้นำลัธฺคลั่งยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกครั้งที่มีการทำร้ายร่างกาย นายฮารุ จะเป็นคนสั่งทั้งหมด ส่วนตนเองเป็นคนคอยควบคุมเหยื่อ

ช่วงหลัง นายตรีเพชรรัตน บอกว่าได้รับคำสั่งจากนายฮารุให้บังคับเหยื่อตระเวนยืมเงินจากเพื่อนในบัญชีโซเชียล เฟซบุ๊ก ไลน์ คนรู้จัก และครอบครัว โดยจะต้องหาเงินให้ได้ 60,000 บาท ภายใน 48 ชม.

ตัดผมเด็ก ตบหน้าเด็ก ถ้าเสียงไม่ดังจะสั่งให้ผู้เสียหายตบจนพอใจ เทน้ำร้อนราด โกนผม

ทั้งนี้ภายหลังการเข้าตรวจค้นห้องพักที่เกิดเหตุ ผลการตรวจค้น พบหนังสือจำนวนมาก, ภาพวาด และเครื่องบูชาแสดงถึงการมีความคลั่งลัทธิ และจากการตรวจสอบภายในพบว่าไม่พบเอกสารหรือสิ่งใดที่สามารถยืนยันชื่อสกุลจริงของนายฮารุได้ เพราะจะใช้ชื่อของเหยื่อในการทำธุรกรรมทั้งหมด

ขณะที่จากการสอบสวนนายฮารุ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยอมรับเพียงว่า ได้เทน้ำร้อนผู้เสียหายจริง แต่เรื่องการสั่งให้ตบหน้าลูกนั้นไม่เป็นความจริง

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติพบ นายฮารุ  มีหมายจับของศาลแขวงธนบุรีที่ 173/2562 ลงวันที่ 4 ก.ค. 62 ข้อหา “ฉ้อโกง” และยังพบประวัติการกระทำความผิดในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ในปี 2557 ข้อหา “ฉ้อโกง” นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนชื่อถึงจำนวน 9 ครั้ง

นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า จากแนวทางการสืบสวนยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่เคยถูกนายฮารุหลอกลวง แต่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ซึ่งขณะนี้ ผบช.น. อยู่ระหว่างประสานงานเพื่อติดตามผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี เบื้องต้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายส่งพนักงานสอบสวน สน.บวรมงคล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป